ปลาคราฟหนึ่งในปลาตามธรรมชาติที่กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านของใครหลายๆคนในทุกวันนึ้ เพื่อนๆเคยสงสัยกันไหมครับ เมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นๆ อย่างเช่น หมา แมว อายุเฉลี่ยของเจ้าปลาคราฟ จะมีอายุเท่าไรกันนะ เค้าจะอยู่กับเราไปได้นานแค่ไหนกันนะ หรือมีวิธีไหนที่จะทำให้เจ้าปลาคราฟแสนรักของเรานั้น อยู่กับเราได้นานขึ้นไหมนะ วันนี้ไป่โค่ยฟาร์ม ลองนำข้อมุลมาฝากเพื่อนๆกันครับ
อายุเฉลี่ยของปลาคราฟ
ตามธรมมชาติแล้ว ปลาคราฟสามารถมีอายุชัยเฉลี่ยได้มากถึง 10-25 ปี อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วพวกมันสามารถอยู่ได้ยืนยาวถึง 40 ปีเลยทีเดียว
และเคยมีบันทึกไว้ว่า พวกปลาคราฟบางสายพันธุ์ สามารถมีอายุอยู่ได้ถึง 200 ปีเลย ซึ่งตาม World’s Record ได้บันทึกอายุของเจ้าปลาคราฟ ที่ชื่อว่า Hanako ไว้ว่า เจ้าปลาคราฟ Hanako เกิดในปี ค.ศ. 1751 และตายไปในวันที่ 7 July 1977 นั่นแปลว่า มันมีอายุถึง 226 ปี ไม่เพียงแต่เป็นปลาคราฟที่มีอายุมากที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นปลาน้ำจืดที่มีอายุมากที่สุดที่เคยมีการบันทึกมาด้วย
ทีนี้เมื่อเรารู้แล้วว่า อายุขัยเฉลี่ยของปลาคราฟ อยู่ที่ประมาณเท่าไรแล้วเรามาลองดูว่าจะมีวิธีการอย่างไรให้ตัวปลาคราฟของเรามีอายุยืนยาวเหมือนบ้างดีกว่าครับ
วงจรชีวิตของปลาคราฟ
ก่อนอื่นเราลองมาทำความเข้าใจวงจรชีวิตของปลาคราฟก่อนดีกว่าครับ ว่าการทำให้ปลาคราฟโตเต็มวัย และมีสีสันสวยงาม เราควรต้องดูแลหรือใส่ใจในช่วงไหนบ้าง

การวางไข่ตามธรรมชาติ
ปลาคราฟเป็นสัตว์ที่ออกลูกโดยการวางไข่ ซึ่งจะโดยปกติจะอยู่ในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ เมื่ออุณฆภูมิของน้ำเริ่มอุ่นขึ้น ปลาคราฟตัวเมียจะวางไข่ในรังที่ตัวผู้ได้สร้างไว้ หลังจากปฏิสนธิเกิดขึ้น ไข่จะฟักเป็นตัวภายใน 5-10 วัน
การวางไข่เทียม
แต่ตามฟาร์มส่วนใหญ่ จะนิยมทำการผสมเทียมโดยจะมีการควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมมากที่สุด โดยปลาคราฟตัวเมียจะวางไข่ในภาชนะเราทางฟาร์มเตรียมไว้และมี Spawning Rope ไว้สำหรับให้ไข่มีที่ยึดเกาะ และเมื่อตัวผู้ได้ทำการผสมพันธุ์กับไข่เหล่านั้นแล้ว ควรจะย้ายไข่ไว้ในถังที่แยกออกมาต่างหาก เนื่องจากปลาคราฟตัวผู้อาจจะกินไข่ของพวกมันเองได้

การคัดเลือกไข่ปลาเพื่อให้ได้ตัวปลาที่สมบรูณ์ที่สุด
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ตัวปลาที่จะเติบโตขึ้นมาแข็งแรงและสมบรูณ์ได้นั้น ควรเริ่มมาจากการคัดเลือกไข่ที่มีความสมบรูณ์มากที่สุดด้วย โดยไข่ที่แข็งแรงจะมีลักษณะโปรงใส่ ส่วนไข่ที่ฟักยาก จะมีลักษณะขุ่น หรือสีคล้ายน้ำนม

การรักษาอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม
ถึงแม้ว่าปลาคราฟจะเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำเย็น และทนต่อสภาพอากาศ หรือความเย็นของฤดูหนาวได้ดี แต่พวกมันก็ไม่ได้ชอบอากาศที่เย็นเกินไปเท่าไรนัก และในระยะยาวไม่ได้เป็นผลดีกับเหล่าปลาคราฟด้วย ดังนั้นการมีเครื่องปรับอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสม ทั้งในฤดูหนาว หรือ ฤดูร้อน จึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจเป็นอันดับแรกๆเลยครับ โดยอุณหภูมิที่แนะนำสำหรับปลาคราฟคือ 15-25 องศาเซียวเซียส จะเป็นช่วงที่กระบวนการดูดซึมอาหารของปลาทำงานได้ดีที่สุดครับ (ด้วยอากาศที่บ้านเรา ถ้าเป็นที่ไทย 25 องศาก็ถือว่าดีแล้วครับ แต่ให้ดี สัก 22-23 กำลังดีครับ )
ขนาดและความลึกของบ่อปลาที่เหมาะสม
ปลาคราฟเป็นปลาที่ต้องการพื้นที่ค่อนข้างเยอะครับ และแปรพันไปตามจำนวนปลาที่เราเลี้ยงด้วย ถ้าเอาหลักการคำนวนทั่วไป คำนวนออกมาเป็นพื้นที่ โดยประมาณ บ่อปลาขนาดกว้าง 6x8x3 ฟุต จะสามารถจุน้ำได้ประมาณ 1,077 แกลลอน หากคุณต้องการเลี้ยงปลาคราฟ ประมาณ 15 ตัว ควรมีบ่อที่มีความจุประมาณ 3,200 แกลลอน ขนาดของบ่อที่ควรอยู่ที่ 18x24x3 ฟุต (ความลึกของบ่อสามารถเพิ่มได้อีก ในกรณีที่คุณเป็นบ่อกลางแจ้ง ไม่ได้มีร่มไม้บัง)
วิธีการดูแลรักษาบ่อปลาแบบฉบับไป่โค่ยฟาร์ม
ร่มเงา และความเข้มของแสงอาทิตย์
ถึงแม้ว่าเจ้าปลาคราฟจะอยู่ในน้ำซึ่งมีความชุ่มชื่นตลอดเวลาเนีย แต่คุณรู้ไหมครับว่า หากบ่อเรามีความลึกไม่เพียงพอ หรือร่มเงาให้ปลาหลบไม่เพียงพอแล้วละก็ อาจส่งผลเสียต่อผิวของได้ อาจทำให้ผิวไหม้ได้เลยทีเดียว แถมยังทำให้ปลาคราฟเราไม่ยอมขึ้นมากินอาหารบนผิวน้ำอีกด้วย ถ้าจะให้ดี บ่อปลาคราฟของคุณควรมีพื้นที่ที่ได้รับร่มเงา 2-3 ต่อวัน ทุกวัน นอกจากจะช่วยป้องกันแสงแดดแล้ว ยังช่วยให้ปลาคราฟของเรามีที่หลบซ่อนจากนักล่าต่างๆ ส่งผลให้ปลาไม่เครียดอีกด้วย (ตามธรรมชาติ ปลาคราฟจะไม่ค่อยมีสีสด กลับกันปลาที่เราเลี้ยงเพื่อความสวยงามนั้น จะมีสีสดกว่า ทำให้ตกเป็นเป้าของพวกนักล่าได้ง่ายๆ หากไม่มีร่มเงา ให้ตัวปลาคอยซ่อน)

ระดับออกซิเจนในน้ำ
หมั่นตรวจสอบระดับออกซิเจนในน้ำของบ่อปลาคุณอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้ปริมาณอ๊อกซิเจนที่ละลายในน้ำนั้นต่ำกว่า 4-5 มิลลิกรัมต่อลิตร เพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพองปลาในบ่อเป็นอย่างมาก รวมถึงทำให้ปลาเติบโตช้า และเป็นที่ฟักตัวของปรสิตต่างๆอีกด้วย หากระดับออกซิเจนต่ำกว่า 2 มิลลิกรัมต่อลิตร อาจจะทำให้ปลาคราฟของคุณตายลงได้
ระดับออกซิเจนที่ละลายในน้ำที่แนะนำ คือ 7-9 มิลลิกรัมต่อน้ำหนึ่งลิตร เป็นช่วงที่ปลาของคุณจะเจริญเติบโตได้ดี ยิ่งในช่วงที่อากาศร้อนมากๆ ปริมาณออกซิเจนในน้ำจะลดลงค่อนข้างไว ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบทั้งอุณหภูมิ และระดับออกซิเจน บ่อยๆ ในช่วงที่อากาศร้อน หรือ ฤดูร้อน
ข้อควรระวัง น้ำประปา และน้ำบาดาล มีระดับออกซิเจนละลายต่ำมาก หากมีการเปลี่ยน หรือเติมน้ำในบ่อปลาของคุณ ควรตรวจวัดทุกครั้ง และปรับสภาพน้ำก่อน หาก Layout บ่อปลาของคุณมี น้ำตก หรือ น้ำพุ ถือเป็นข้อดี เพราะจะช่วยเติมปริมาณออกซิเจนในน้ำได้อย่างต่อเนื่อง
เพิ่มเติม : ระดับออกซิเจนในบ่ออาจจะผันผวนได้ทุกวัน ตามปริมาณแสงแดด และอุณหภูมิของน้ำ ควรหมั่นตรวจเช็คให้แน่ใจ หรือหาเครื่องมือที่สามารถ มอนิเตอร์ได้ตลอดเวลา
ค่า pH หรือความเป็นกรด-ด่างของน้ำ
ค่า pH ที่สมบรูณ์ที่สุดของบ่อปลาคราฟนั้น คือ pH 7.0 แต่เอาตามหลักที่รับได้ ขอบ่อปลาต่างๆ ให้อยู่ในช่วง pH 6.5-8.5 ก็โอเคครับ ไม่ต้องทำการเติมสารใดๆ เพื่อปรับค่าน้ำเลย หลักๆคือแค่ต้องหมั่นตรวจสอบ ให้ค่า pH คงที่ ไม่เปลี่ยนไปมาก หากมีการเปลี่ยนแปลงของค่า pH แบบฉับพลัน ควรรีบย้ายปลาไปไว้ในบ่อพักก่อนครับ
การให้อาหารและ โภชนาการ
จริงๆไป่โค่ยเคยเขียนบทความเกี่ยวกับการเลือกซื้ออาหารปลาคราฟ ไว้แล้ว เพื่อนๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความน “3 เคล็ดลับในการเลือกอาหารปลาคาร์ฟ” ซึ่งจะอธิบายประเภทของอาหาร ของปลาคราฟแต่ละแบบไว้อย่างละเอียด ส่วนสำหรับในบทความนี้ เราจะแนะนำในเรื่องของวิธีการให้อาหารปลาคราฟครับ
โดยทั่วไปๆ เราควรให้อาหารปลาคราฟ 3 ครั้งต่อวัน โดยต้องคำนวนปริมาณอาหาร ขนาด และจำนวนของปลาให้ที ต่อหนึ่งครั้ง อาจจะใช้เวลาประมาณ 3-5 นาทีครับ โดยสังเกตุการการกินอาหารของปลาคราฟ ถ้าปลายังกินอยู่ และไม่มีอาหารส่วนเกินที่เหลือลอย
หากเป็นช่วงที่น้ำมีอุณหภูมิต่ำ หรือ น้ำเย็น (ต่ำกว่า 70 แต่สูงกว่า 64 องศาฟาเรนไฮต์) เราสามารถให้อาหารแค่วันละครั้งก็พอครับ เนื่องจากยิ่งน้ำเย็นลงมากเท่าไร ระบบย่อยอาหารของปลาก็จะทำงานช้าลง ส่งผลให้ความอยากอาหารของพวกมันลดลง (คล้ายๆ เวลาที่อากาศหนาวแล้วสัตว์บางชนิดจำศึล)
หากเป็นช่วงที่น้ำอุ่นกว่า (76-82 องศาฟาเรนไฮต์) เป็นช่วงที่ปลาจะเคลื่อนไหวเยอะเป็นพิเศษ ให้ระวังปริมาณอาหารที่ไม่ควรมากเกินไป เพราะยิ่งพวกมันกินมาก ก็จะส่งผลให้ขับของเสียออกมามากตามเช่นกัน ถ้าหากดูแลความสะอาดของบ่อไม่ได้ก็อาจส่งผลให้ แบคทีเรียที่ไม่มีมากจนส่งผลเสียได้