Kohaku, Tancho, Showa, Sanke หากว่าลองพูดชื่อเหล่านี้ขึ้นมาบางคนอาจจะทราบอยู่แล้วว่า มันคือชื่อเรียกสายพันธุ์ของปลาคราฟ ที่นิยมเลี้ยงในบ้านเรากันสะเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นยังไม่หมดครับ เพื่อนๆเชื่อไหมว่า บนโลกนี้มีปลาคราฟมากกว่า 120 สายพันธุ์ เยอะมากเลยใช่ไหมครับ แต่ถ้าเอาที่ฟาร์มต่างๆ นิยมเพาะพันธุ์ หรือ ปลาคราฟที่นิยมเลี้ยงนั้น จะมีอยู่ประมาณ 27 สายพันธุ์ครับ ซึ่งก็วัดกันจากความชอบ สีสัน ขนาดตัว รวมไปถึงนิสัยต่างๆของตัวปลานั้นเอง วันนี้ไป่โค่ยฟาร์มมาลองให้ข้อมูลชื่อเรียกของแต่ละชนิด พร้อมกับจุดเด่นให้เพื่อนๆ ได้ศึกษากันครับ หลังอ่านจบถ้าเพื่อนๆ สนใจปลาตัวไหน สามารถหาซื้อปลาคราฟสวยๆ ไปที่ไป่โค่ยฟาร์มเลยครับ หรือจะมาติดต่อเยี่ยมชมฟาร์มของเราได้เช่นกันครับ โดยไป่โค่ยฟาร์ม อยู่ที่ จังหวัดกาญจนบุรีนี้เองครับ มีทั้งบ่อปูนมาตรฐานญี่ปุ่น ให้เพื่อนๆเห็นตัวปลาแบบชัดๆ หรือบ่อดินที่จำลองธรรมชาติตามแบบฉบับญี่ปุ่นเลยครับ
กลับมาเข้าเรื่องกันดีว่าครับบทความด้านล่างนี่จะรวบรวมข้อมูลของปลาคราฟแต่ละพันธุ์มาให้เพื่อนๆรู้จักกัน ซึ่งค่อนข้างยาวสักหน่อย แต่เพื่อนๆสามารถเลือกดูจากรายชื่อที่ด้านขวามือได้เลยนะครับ เราทำระบบให้ Jump ลงไปที่ส่วนของปลาสายพันธุ์นั้นไว้ให้แล้ว และหากเพื่อนๆสนใจเลี้ยงปลาคราฟด้วยแล้วละก็อย่าลืมดู ปลาคราฟพร้อมขายของไป่โค่ยฟาร์มได้เลยนะครับ
เอาละถ้าพร้อมแล้วไปทำความรู้จักกับสายพันธุ์ปลาคราฟกันดีกว่าครับ
พันธุ์ปลาคราฟ อะกามัตสึบะ Aka Matsuba

ปลาแฟนซีคราฟสายพันธุ์ อะกามัตสึบะ (Aka Matsuba) เป็นปลาที่อยู่ในวงศ์เดียวกับปลาคราฟอาซากิ (Asagi) ซึ่งจะมีสีเดียวทั้งตัว และมีลวดลายคล้ายตะข่ายสีดำ ปลามัตสึบะบางชนิด เช่น กินมัตสึบะ (Gin Matsuba) และ คินมัตสึบะ (Kin Matsuba) ตัวเกล็ดจะมีลักษณะวาวสะท้อนแสง แต่ในบางชนิดอย่างเช่น คิมัสสึบะ (Ki Matsuba) หรือ ชิโรมัตสึบะ (Shiro Matsuba) ตัวเกล็ดจะเป็นสีปกติ ไม่แวววาว ซึ่งเจ้าตัว อะกามัตสึบะเนีย จะอยู่ในกลุ่มนี้ครับ คือ เป็นสีแดง และตัวเกล็ดไม่ได้แวววาว
“รู้หรือไม่ว่า ปลาคราฟอะกามัตสึบะ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการ Breeding มาจากสายพันธุ์อาซากิ” โดยในการเพาะพันธุ์ปลาอาซากินั้น จะได้ลูกปลาอะกะมัตสึบะ อยู่ที่ 20-30 % ซึ่งเจ้าของฟาร์มปลาส่วนใหญ่จะเลือกเก็บเฉพาะตัวที่มีสุขภาพดี สีแดงของลำตัวที่เข้ม และหนาเท่านั้น
ที่มาของชื่อ Matsuba(まつば) มาจากการที่ปลาตัวนี้คล้ายกับลูกสนของญี่ปุ่นนั่นเองครับ
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Aka Matsuba
- ความเป็นระเบียบ และความสม่ำเสมอของสีแดง Hi (Red) Base Color
- รูปแบบลวดลายตาข่าย (Reticulation Pattern) หรือ ลายลูกสนต้องมีสีเข้ม ไม่ออกเห็นโทนฟ้า ไล่ตั้งแต่ส่วนของไหล่จนไปถึงโคนหาง
- เกล็ดอยู่ครบสมบรูณ์ ไม่หลุด ไม่แหว่ง
- รูปร่างของปลา (เนื่องจากปลาสายพันธุ์นี้ อาจะมีขนาดใหญ่ได้ถึง 70-90 เซนิเมตร) ดังนั้นการเลือกรูปร่างที่ดีตั้งแต่ตอนเด็ก เมื่อโตขึ้นจะมีคุณค่า และความสวยงามมากกว่า
พันธุ์ปลาคราฟ อาซากิ Asagi

ปลาคราฟ ฮาซากิ ถือเป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่มีการค้นพบปลาคราฟมา จริงๆแล้วแทบจะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเป็นปลาคราฟหลากหลายพันธุ์ที่เราเห็นในปัจจุบันกันเลยครับ ลักษณะเด่นของปลาอาซากิ คือ ส่วนลำตัวหลังยาวไปจนถึงส่วนหางเกล็ดจะมีลักษณะเหมือนตาข่ายสีคราม, สีน้ำเงินเข้ม น้ำเงินอมเทา หรือ ฟ้าอ่อน ส่วนตรงฐานโคน หรือส่วนครึบจะมีสีส้มเข้ม จนไปถึงสีแดง
จุดสังเกตุง่ายๆอีกจุดคือ
- ไม่มีแพทเทิร์น หรือลวดลายสีแดง
- ลำตัวเป็นสีออฟฟ้า หรือสีคราม
- สีที่โคนครีบ (Motoaka) เป็นสีส้มเข้ม หรือ สีแดง
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Asagi
- ส่วนหัวของปลาควรเกลี้ยงเกลา ขาวสะอาดตา ไม่ควรมี จุดสีดำเล็กๆ (Jyami) บนหัวเพราะจะถือว่าเป็นปลามีตำหนิ
- ส่วนของเกล็ดที่เป็นตาข่ายต้องอยู่ครบ สมบรูณ์ คมชัด เรียงสมมาตราได้สัดส่วน (ถ้าสมบรูณ์มากเกล็ดจะเรียงต่อกันได้ 5-6 แถว)
- Hi (red) pattern สีแดง ที่ควรมีในส่วนของหาง ควรมีประมาณครึ่งหนึ่งของครีบหางทั้งหมด
พันธุ์ปลาคราฟ เบนิกอย Benigoi

ปลาคราฟ เบนิกอย โดยปกติจะมีลักษณะเป็นสีแดง หรือสีส้ม เพียงสีเดียวทั้งตัว และตัวเกล็ดจะไม่มันวาว สะท้อนแสง ซึ่งเจ้าชื่อ เบนิกอยนี้ก็จากภาษาที่ญี่ปุ่แปลว่า ปลาคราฟสีแดงนั่นเองครับ หลายๆท่านอาจจะงงว่า Hi ก็แปลว่าสีแดงเช่นกัน ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นแล้วมีความแตกต่างกันในเรื่องของวามหมายของสีแดงครับ เช่น ถ้าเราจะพูดถึงสีแดงทั่วๆไป ภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า hi ส่วนเจ้าปลาตัวนี้ที่เรียกว่า Benigoi ไม่เรียกว่า Higoi นั่นก็เพราะว่า เจ้าปลาสายพันธุ์นี้ จะออกสีแดงอมส้ม ซึ่งไปตรงกับคำว่า beni นั่นเองครับ (hi จะนิยมใช้กับสีแดงเพียวๆ แดงเข้ม)
ปลาคราฟ เบนิกอยแท้นั่น จะมีสีแดง หรือ สีส้มสด ทั่วทั้งตัว รวมถึง ครีบ หาง ในบางตัวอาจจะมีจุดสีขาวเล็กๆที่ครีบ และหางได้ ซึ่งถือเป็นปลาคราฟเบนิกอยที่หายากมาก เราเรียกว่า Benigoi Hajiro แถมยังเป็นที่ต้องการของวงการปลาคราฟด้วยครับ
เช่นเดียวกับปลาคราฟที่เป็นสีเดียวทั้งตัวกับสายพันธุ์อื่นๆ เบนิกอยจะมีลายเกล็ดที่เรียกว่า Fukurin ซึ่งจะตัวเกล็ดจะเป็นสีอ่อนกว่าเล็กน้อย(ทำให้เกล็ดดูสะท้อนแสง)

เบนิกอย ก็ถือเป็นหนึ่งในปลาที่เป็นพื้นฐานปลาคราฟอีกสายพันธุ์หนึ่งครับ มีการพบเจ้าปลาคราฟตัวนี้ราวๆ ค.ศ. 1920 โดยตัวสายพันธุ์นี้ เริ่มต้นจาก Majoi Carp ซึ่งเป็นปลา ไนสีดำที่อยู่ตามธรรมชาติที่ญี่ปุ่นในช่วง ยุคที่ 18th , 19th ซึ่งพอในช่วงต้น ยุค ค.ศ 19th เจ้าปลาไน (Wid carp) ตามธรรมชาตินี้ ได้ถูกนำมาเลี้ยงในฟาร์มเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงมากกว่าเอาไปทำเป็นอาหาร จนกลายมาเป็นงานอดิเรกดังทุกวันนี้ครับ ซึ่งเจ้าเบนิกอยนี้ ก็ได้ถูกผสมพันธุ์ขึ้นจาปลา Magoi ป่า ที่มีท้องเป็นสีแดง (Red-bellied Magoi) กับ สายพันธุ์ Kohaku (ปลาคราฟสีแดงที่มีลวดลายสีแดง) จึงจะทำให้ได้ปลาที่มีสีแดงทั้งตัวอย่างเจ้าปลาคราฟ เบนิกอย ครับ
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Benigoi
- สีแดง หรือ แดงอมส้ม (Beni) ที่ควรต้องสด มีความสม่ำเสมอของสี ไม่ดาง ไม่ซีด หรือมีสีอื่นแทรก
- ในเบนิกอยบางตัว เชดสีของปลาอาจจะเป็นสีส้ม หรือ สีแดง ซึ่งรับได้ แต่สีที่สุดควรมีความเข้มของสีที่เพียงพอให้ยังคงมองว่าเป็นสีแดงอยู่
- หากเบนิกอย ตัวนั้นมีส่วนของเกล็ดที่เป็น Fukurin เกล็ดควรจะไล่สีเข้มไปอ่อน จากโคนสูปลาย และควรเรียงตัวกันสม่ำเสมอทั่วตัว
พันธุ์ปลาคราฟ ชากอย Chagoi (ชื่อเดิม Ochagoi)

ชากอย ถือเป็นปลาคราฟอีกพันธุ์ที่มีความเก่าแก่มากที่สุด (พอๆกับ Asagi เลย) และยังมีความใกล้เคียงกับปลาคราฟป่าที่อยู่ตามมธรรมชาติมาก โดยลักษณะเด่นของสายพันธุ์นี้คือ ตัวปลาคราฟชากอย จะมีสีน้ำตาล (Cha ซึ่งแปลว่าสีน้ำตาล มาจากคำเต็มคือ Ocha ของภาษาญี่ปุ่น) หรือสีชา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นปลาสีเดียว ผิวไม่มันเงา และมีลาดลายตาข่าย (Fukurin) ที่เรียงตัวอย่างสวยงาม ชากอยเป็นปลาคราฟที่กินเก่งมาก เลยทำให้เป็นสายพันธุ์ที่โตไวมากอีกด้วย แต่ก็เป็นปลาที่เฟรนลี่กับมนุษย์มากที่สุดอีกสายพันธุ์หนึ่งด้วย จนได้รับ ฉายาว่า “Gentle Giant” ซึ่งด้วยเหตุนี้เอง ในรายการประกวดปลาคราฟ หมวกหมู่ที่ประกวดขนาดของปลา ปลาคราฟชากอยจะมีโอากาศกวาดรางวัล ได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น
ปกติแล้วในงาดประกวดต่างๆ เกณฑ์การตัดสินของปลาคราฟชากอยนั่น สำคัญสุดจะอยู่ที่ความสม่ำเสมอของสี เนื่องจากเจ้าปลาพันธูุ์นี้เป็นปลาที่มีสีเดียว ไม่มีลวดลายเหมือนปลาอื่นๆ สีพื้นจึงมีความสำคัญที่สุดเพราะเป็นสิ่งเดียวที่ใช้วัดคะแนนได้ ยิ่งสีของปลามีความสม่ำเสมอมากเท่าไร โอกาสที่จะได้คะแนนในงานประกวดนั้นก็จะมีมากตามไปด้วย โดยสีพื้นที่ดีนั้นจะต้องเป็นสีน้ำตาลทั้งลำตัว รวมถึงครีบและหาง ยิ่งสีน้ำตาลมีความเข้มมากเท่าไร ด็จะเป็นที่ดึงดูดสายตายมากกว่า แต่ตรงกับข้ามกครับ หากชากอยที่มีสีน้ำตาลอ่อน กลับเป็นที่ต้องการมากกว่า และหากปลาคราฟซากอย มีลาย fukurin ด้วยแล้วละก็ความสวยงามจะวัดจากขนาดความเท่ากันของเกล็ดแต่ละชั้น ควรเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และเป็นแถวเท่าๆกัน
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Chagoi
- สีน้ำตาล (Cha) ควรสม่ำเสมอ
- หากมีลาย Fukurin ขนาดแต่ละชั้นของเกล็ดควรสมดุลกัน และเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เป็นแถวเท่าๆกัน
พันธุ์ปลาคราฟ กินกะ Ginga

Ginga กิงกะเป็นปลาคราฟ Wagoi (ปลาคราฟที่มีเกล็ด) อีกเวอร์ชั่นหนึ่งของสายพันธุ์ Kumonryu โดยมีลักษณะเด่นคือ เกล็ดจะเป็นลักษณะขาวเมทัลลิคตัดล้วนลวดลายสีดำ เจ้าปลาคราฟ กิงกะ เนียถ้าแปลความหมายจากภาษาญี่ปุ่น จะมีความหมายว่า ทางช้างเผือ (Milky Way) และตัวรูปแบบเกล็ดของปลาสายพันธูืนี้ ที่ดูเหมือนมีดวงดาวอยู่บนท้องฟ้าช่วงค่ำคืนตลอดเวลา และเจ้าตัวสีดำ Sumi ของปลานั้นยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาอีกที จึงทำให้ยิ่งคล้ายกับ ทางช้างเผือก ที่มีหมู่ดาวเคลือนไหวละยิบละยับทุกเวลานั้นเองครับ
แล้วเราจะวัดความสวยงามของ Ginga Koi ยังไง จริงๆเราใช้มาตราฐานเดียวกับ Kumonryu และ Kikokuryu ได้เลยครับ คือดูที่คุณภาพของสีปลา สีดำ(ซูมิ) ควรเป็นสีดำเข้มทั้งตัว ส่วนสีขาว(ชิโระ) ควรเป็นขาวบริสุทธิ์ไม่เป็นสีหลือง และทั้งสองสีควรมีความสม่ำเสมอของสี ตัวเกล็ดขนาดไล่เลี่ยกัน ไม่ผิดปกติ ขอบทั้งสองสีของชัด และสะอาด ไม่มีสีอื่นแทรกระหว่างสองสีนี้
มีอีกจุดนึงที่คนที่สนใจควรรู้ไว้คือ บางครั้งส่วนสีขาว(ชิโระ) อาจจะมีออกเหลือบฟ้าบ้าง โดยกรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นตำหนิครับ เนื่องมาจาก ส่วนสีฟ้าเหล่านี้อาจจะมาจาก Shusui koi ซึ่งเป็น บรรพบุรุษของพวกมันนั้นเอง หรือ อาจเกิดจากสีดำ (Sumi) ที่อยู่ใต้ผิวหนังของปลาในขณะที่ยังอายุน้อยและยังพัฒนาไม่เสร็จก็เป็นได้ครับ
ปลาคราฟ กิงกะ ยังมีสายพันธุ์ย่อยที่ได้รับความนิยมอย่างมากเหมือนกันนะครับ นั่นก็คือ Beni Ginga เป็นลูกผสมระหว่าง Ginga Koi และ Kohaku Koi ซึ่งทำให้ได้ Ginga ที่มีลวดลายสีแดง หรือส้มทับส่วนของสีขาวเดิม แต่ยังอยู๋ใต้สีดำซูมินะ


จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Genga
- สีพื้นของสีขาว(Shiro) ของงตัวปลาจะต้องขาวบริสุทธิ์ไม่มีจุดสีอื่นปน (ในปลาบางตัวอาจมีสีเหลือบฟ้าได้ แต่จะไม่เยอะ)
- คุณภาพของสีดำ (Sumi)
- ความแวววาวของเกล็ดปลา ต้องเหมือนโลหะ และเง
พันธุ์ปลาคราฟ กิน มัตสึบะ Gin Matsuba

กิน มัตสึบะ หากแปลเป็นไทย จะหมายความว่า ลูกสนสีเงิน (Silver SPinecone) แค่ชื่อก็สามารถบรรยายจุดเด่นของปลาสายพันธุ์นี้ได้อย่างชัดเจนแล้วใช่ไหมครับ ลำตัวของปลา Gin Matsuba จำเป็นปลาสีขาว(ชิโร๊ะ) ที่มีลักษณะเป็นโลหะมันวาว ทำให้ตัวปลาดูเป็นสีเงิน และมีเส้นสายสีดำลึกอยู่ในเกล็ด ทำให้ลักษณะเหมือนตาข่าย หรือลูกสนของญี่ปุ่นนั้นเองครับ
กิน มันสึบะ เป็นที่รู้จักครั้งแรกน่าจะราวๆ ปี ค.ศ. 1960 ซึ่งแน่นอนว่าจุดเด่นของปลาตัวนี้ ผสมมาจาก Asagi Koi กับ Platinum Ogon Koi (ปลาคราฟที่มีสีขาวเงินมันวาวทั้งตัว) ทำให้เจ้าปลาตัวนี้เหมือนกับ Platinum Ogon และได้จุดเด่นของตาข่ายจาก Asagi Koi มานั่นเองครับ
บางท่านอาจจะเกิดความสับสนในเจ้า Gin Matsuba ตัวนี้กับ Platinum Ogon Koi ได้ครับ เพราะในช่วงเด็ก ลายตาข่ายของ กินมัตสึบะ อาจจะยังออกไม่ชัดนัก เลยทำให้บางท่านคิดว่าปลาตัวนั้นเป็น Platinum Ogon Koi วิธีดูเบื้องต้น คือ ลองใส่ปลาลงในภาชนะที่เป็นสีขาวล้วนดูครับ เราจะเห็นรอยเกล็ดใต้ผิวหนังที่จะกลายมาเป็นลายตาข่ายได้
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Genga
- สีพื้นฐานที่เป็นสีขาว(Shiro) ต้องสมบรูณ์ ขาวนวล หรือขาวสว่าง และสม่ำเสมอ
- หาง และครีบ ควรมีสีขาวพอสมควร (ยิ่งมีสีขาวเยอะ คุณภาพของปลาก็ยิ่งดี)
- ลายตาข่ายเส้นโครงร่างต้องมีความสม่ำเสมอ ไล่สเกลสีเข้มไปอ่อนที่เกล็ดได้
- ความมันเงา และแวววาวของผิวปลา ควรสม่ำเสมอ และแสดงแสงสะท้อนได้อย่างชัดเจน ถ้าผิวเป็นกระจกจะยิ่งดี
พันธุ์ปลาคราฟ กินริน Gin Rin


มาที่อีกหนึ่งสายพันธุ์ปลาคราฟ ที่เป็นนิยามมากอย่าง ปลาคราฟกินริน ชื่อดังเดิมของปลาตัวนี้คือ คินกินริน (Kin-Gin-Rin) แปลความหมายได้ว่า “เกล็ดสะท้อนสีทอง-เงิน” จุดเด่นของสายพันธุ์นี้ตามชื่อของปลาเลยครับ นั่นคือเกล็ดที่แวววาว ดูเหมือนจะเป็นเหลือบสีทอง หรือสีเงิน และดูเป็นกระกายระยิบระยับโดยเฉพาะในวันที่แดดจ้า
จริงๆแล้ว สายพันธุ์ปลาคราฟไหนๆ ก็มีเกล็ดที่เราเรียกว่า Gin Rin ได้ ซึ่งเมื่อปลาคราฟมีที่เกล็ดแบบนี้ เราก็จะเรียกขึ้นต้นด้วยชื่อ Gin Rin นั่นเองครับ เช่น Gin Rin Kohaku, Gin Rin Benigoi, Gin Rin Goshiki และอาจจะได้เป็น Gin Rin Doitsu (Doitsu คือปลาคราฟที่ผสมกับปลาคราฟจากเยอรมัน)
ปลาคราฟกินรินนั้นถูกเพาะพันธุ์ขึ้นโดย Eizaburo Hashino ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในปี 1929 ที่งาน 1st Yamakoshi Koi Show ด้วยภาพลักษณ์ที่ดึงดูด และความสวยงามของปลากินรินนั้น ทำให้หลังจากงานนั้นเหล่าบริ๊ดเดอร์ต่างพากันพยายามเพาะสายพันธุ์นี้ขึ้นมาเป็นอย่างมาก เราจะสามารถแยกกลุ่มย่อยของ กินริ ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก้ Diamond Ginrin, Pearl Ginrin, Beta Ginrin, Kado Ginrin
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Gin Rin
- อย่างน้อยควรมีเกล็ดกินริน 3 แถวขึ้นไป
- ตำแหน่งของเกล็ด
- ความสม่ำเสมอของเกล็ด
- คุณภาพของสีตัวปลา
พันธุ์ปลาคราฟ โกโรโมะ Goromo

ปลาคราฟโกโรโมะ หรือ โคโรโมะ ถ้าแปลตามตัวอักษณเลยจะแปลว่า เสื้อคลุม โดยเจ้าปลาคราฟตัวนี้นั้นถูกพัฒนาสายพันธุ์มาจาก โคฮากุ และ ฮาซากิ ปลาคราฟแฟนซีคาร์พสายพันธุ์ Koromo มีพื้นผิวสีขาวบริสุทธิ์ โดยมีตาข่ายคล้ายปลาแฟนซีคาร์พสายพันธุ์ Asaki (อาซากิ) ปกคลุุมเฉพาะบริเวณส่วนที่เป็นลวดลายสีแดง Ai Koromo (ไอ โกโรโมะ,ไอ โคโรโมะ) เป็นชื่อที่ถูกใช้เรียก ปลาแฟนซีคาร์พสายพันธุ์ Koromo ที่มีตาข่ายสีฟ้าปกคลุมในบริเวณเกล็ดของลวดลายสีแดง เราจะเรียก ปลาแฟนซีคาร์พสายพันธุ์ Koromo ซึ่งเป็นสีม่วง ว่า Budo Koromo (บูโด โกโรโมะ,บูโด โคโรโมะ)
ปกติแล้ว ลายตาข่ายของ โคโรโมะ จะมีรูปแบบที่ต่างกันเล็กน้อยอยู่ 3 แบบ
- Ai Goromo – ลักษณะเด่นคือ จะมีเกล็ดตาข่าย ที่มองเห็นได้เฉพาะด้านในของลายสีแดง
- Budo Goromo – โดยรวมลายตาข่ายจะค่อนข้างคล้ายกับ Ai Goromo แต่จุดที่ต่างกันคือ Budo Goromo ลายจะอยู่รอบๆ สีแดง(Hi) และทำให้ตัวปลาดูสีเข้มมากกว่า
- Sumi Goromo – ลายตาข่ายจะเหมือนกับ Ai Goromo แต่ลายสีจะค่อนข้างไปทางสีดำ (Sumi) มากกว้า ซึ่งทำให้โดยรวมปลามีสีเข้มมากที่สุดใน 3 แบบ
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Goromo
- ผิวสีขาวบริสุทธ์
- เกล็ดปลาจะต้องเรียงตัวเป็นแถว ลวดลายสีแดงต้องสวยงาม มีลายตะข่ายสีครามบนสีแดงชัดตั้งแต่ช่วงไหล่ถึงหาง
พันธุ์ปลาคราฟ โกชิกิ Goshiki

ปลาคราฟ โกชิกิ เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ปลาคราฟที่เป็นที่ต้องการของใครหลายๆคน เพราะความแตกต่างของสีสันของปลา ที่ทำให้คนส่วนใหญ่หลงรักทันทีที่ได้เห็น
Goshiki หากแปลจากภาษาญี่ปุ่นจะแปลว่า 5 สี ซึ่งก็สะท้อนเอกลักษณ์ของปลาตัวนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเสาจะเห็นสีทั้ง 5 สีบนปลาคราฟโกชิกิ โดยประกอบไปด้วย
- สีขาว(Shiro) เป้นสีพื้น
- สีแดง(Hi) เหมือนปลาสายพันธุ์โคฮากุ
- สีดำ(Sumi) ทั่วบนตัวปลา
- สีน้ำเงินเข้ม(Konja) ของเกล็ดด้านบน
- สีฟ้าอ่อน(Akebi) ที่เป็นสีของลายตะข่ายของเกล็ดด้านข้างลำตัว
ลายตาข่ายของเกล็ดนั้นสืบทอดมาจากพ่อแม่พันธุ์อย่าง Asagi ทำให้ได้บอดี้ของตัวปลาที่สวยงาม สมส่วนและได้รูปแบบแหทั่วตัว ทำให้เกล็ดของปลาคราฟโกชิกิ มีความงดงามและโดดเด่น หากลองจิตนาการตาม ให้นึกถึงปลาคราฟที่มีพื้นผิวสีขาว และถูกวางทับด้วยลายตาข่ายสีเทาจากปลา Asagi และวางทับด้วยลายตาข่ายสีแดง ในขณะที่ด้านข้างลำตัวเกล็ดจะมีสีขาวกว่า และมีการไล่ระดับสีระหว่างสีดำด้านบน กับสีขาวด้านล่าง
ปลาคราฟ โกชิกินั่น จะมี 2 รูปแบบ หรือสไตล์ที่นิยมเรีย
- Dark หรือ Kuro Goshiki โดยรวมตัวปลาจะมีสีเข้มกว่า มีความดำของสีดำ(Sumi) ที่ดำกว่า
- Light หรือ Mameshibori รูปแบบนี้ สีดำ(Sumi) อ่อนกว่า โดยจะค่อนไปเหมือนกับปลาคราฟโคฮากุ แต่จะมีลายตาข่ายที่บ่งบอกควรามเป็น Goshiki นั่นเอง (Mameshibori Goshiki นั่นหายากและมีราคาแพงมากกว่า)
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Goshiki
- รูปแบบของสีแดง (Hi) สำคัญมากโดยพิจารณาจากจุดเริ่มที่ควรเริ่มที่หัวของปลา และต่อลงมาตามกระดูกสันหลังไปถึงก่อนสุดหาง และรูปแบบของ Hi ไม่ควรขยายต่ำกว่าเส้นข้างของตัวปลาไปยังด้าข้างและด้านล่าง
- ความสมมาตรของ Hi
- ลาย 3 ชั้น(Sandan) ของ hi เชื่อมต่อกันวิ่งไปตามครีบหลัง (แบบนี้นิยมมากที่สุด)
พันธุ์ปลาคราฟ ฮิ อุทสึริ Hi Utasuri

ปลาคราฟ ฮิ อุทสึริ คือปลาคราฟสีดำที่มีลวดลายสีแดงสดทั่วลำตัว และครีบของปลา โดยปลาคราฟพันธุ์นี้เป็นหนึ่งในสามสายพันธุ์ย่อยของปลาคราฟ Utsurimono โดยในอีกสองสายพันธุ์คือ Shiro Utsuri, Ki Utsuri
3 สายพันธุ์ย่อยของ Utsuri Mono มีดังนี้

Hi Utsuri – ฮิอุสึริ
ตัวบอดี้จะเป็นสีดำ และมีลวดลายสีแดง Hi ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

Shiro Utsuri – ชิโระอุสึริ
ตัวบอดี้เป็นสีดำ ตัดด้วยลวดลายสีขาว

Ki Utsuri – คิอุสึริ
ปลาคราฟบอดี้เหลือง คาดด้วยสีดำ ปัจจุบันปลาคราฟชนิดนี้หายากที่สุดในทั้ง 3 สายพันธุ์ย่อย เนื่องจากความยากในการเพาะพันธุ์
ย้อนกลับไปที่ต้นกำเนิด การผสมพันธุ์กันระหว่าง Ki Utsuri และ Kohaku ปกติคู่นี้มักจะถูกจับคู่บ่อยๆ เพื่อให้ได้ปลา Showa ที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า แต่บางครั้งลูกปลาก็ออกมาเป็น Showa ที่ไม่มีลวดลายสีขาว ซึ่งปกติแล้วฟาร์มจะไม่ค่อยเก็บไว้ แต่ก็มีบางฟาร์มยังคงขยายและเพาะพันธุ์ต่อ จนในปี 1924 ปลาคราฟ Ki Utsuri ก็ได้ถูกนำอวดโฉมที่งานประกวดที่ญี่ปุ่น จนกลายเป็นที่นิยมนั่นเอง
ต้องบอกว่าเจ้าปลาคราฟ Ki Utsuri เคยเป็นที่นิยมและต้องการมาก ไม่แพ้พวกตระกูล Gosanke อยู่พักนึงเลยครับ แต่ ณ ปัจจุบันด้วยความที่มีความหลากหลายมากขึ้น ถึงแม้ความนิยมจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ครับ น่าเสียดายอย่างเดียวเลยที่ การจะได้มาซึ่งเข้า Hi Uturi นั่นยังคงเป็นผลพลอยได้จากการเพาะพันธุ์ Showa อยู่ดี ซึ่งหมายความว่า กว่าจะได้มาซึ่งเจ้าปลาตัวนี้ค่อนข้างน้อยมาก
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Hi Utsuri
- สีพื้น Sumi (สีดำ) เข้มสม่ำเสมอ ทั่วตัวปลา ไม่มีด่าง และเนื่องจาก Sumi นั่นเป็น Base ของปลาตัวนี้ ดังนั้นมันควรจะขยายเลยเส้นข้างตัวปลาใใ
- สีแดง Hi เป็นสีแดงเพลิงที่สดใส ตัดกันชัดเจนกับสีดำ (อาจะเป็นสีแดงอ่อน หรือแดงอมส้มได้ แต่ควรสม่ำเสมอทั้งตัว)
- จุดตัดระหว่างสองสี และขอบตัด (Kiwa) ควรคมชัด และแยกความต่างของทั้งสองสีได้อย่างชัดเจนระหว่างสีดำ และสีแดง
- แพทเทิร์นที่สวยของปลาคราฟชนิดนี้นั้น แต่ละสี ควรครอบคลุมกัน 40:60 ของตัวปลา เช่น ดำ 40 แดง 60 หรือ แดง 60 ดำ 40 ถ้ามากเกินไปจะทำให้สีนั้นดูเด่นเกินไป หรือน้อยเกินไป สีนั้นก้จะด้อยลงไปอีก
พันธุ์ปลาคราฟ คิกอย Kigoi

ไป่โค่ยเคยเขียนถึง ปลาคราฟ Chagoi ไปแล้ว ส่วนเจ้าปลาคิกอยตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นญาติของเข้าชากอยเลยครับ คือเป็นปลาสีเดียว สีเหลืองทึบ (ประเภท Kawarigoi) เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมเลย จริงลักษณะภายนอกจะค่อนข้างคล้ายกับปลลาคราฟคาริชิมาก เพียงแต่เจ้าคิกอย จะมีสีเหลืองจัดกว่า ส่วนคาราชิจะออกไปทางสีเหลืองน้ำตาลเหมือนใบไม้แห้ง และส่วนท้องของคิกอยจะเป็นสีขาว ในขณะที่คาราชิจะเป็นสีเหลืองครับ
อย่างที่บอกไปว่าเจ้า คิกอยตัวนี้ ถือเป็น Original Koi ดังนั้นต้นกำเนิดของมันเกิดมาจาก Magoi Carp ตามธรรมชาติที่ถูกนำมาเลี้ยง โดยเจ้า คิกอยเนียเป็นลูกผสมของ Benigoi ที่เป็นปลาสีแดง-ส้ม สีเดียว กับ โดยอาจจะมีพ่อพันธุ์ หรือ แม่พพันธุ์ที่สีอ่อนกว่า เลยทำให้กลายเมาเป็นเข้า คิกอย ที่มีสีส้มอมเหลือง
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Kigoi
- เนื่องจากเป็นปลาคราฟสีเหลืองสีเดียว ดังนั้น หากปลามีเฉดสีที่ต่างกันออกไปเป้น เหลืองเข้ม เหลืองอมส้ม หรือเหลืองอ่อน เป็นสิ่งที่รับได้่
- ความสม่ำเสมอของสี จะเป็นตัวกำหนดคุณภาพของปลาทั้ง ความสมบรูณ์ของตัว หัว ครีบ และหาง
- เนื่องจากคิกอยเป็นปลาที่ค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นหากปลาตัวนั้นมีลายตาข่าย (Fukurin) อาจจะไม่ชัดเจนเหมือนปลาสายพันธุ์อื่นๆ หากคุณมีปลาคราฟคิกอยที่มี ลายตาข่ายที่ชัดเจนมาก นั่นแปลว่าคุณมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในบ่อทีเดียว
พันธุ์ปลาคราฟ คิโคะคุริว Kikokuryu

ปลาคราฟคิโคะคุริว “มังกรดำส่องแสง” เรียกได้ว่าเป็น Kumonryu เวอร์ชั่น Metallic ลักษณะเด่นของคิโคะคุริวคือ เป็นปลาที่มีลำตัวสีขาว ไม่มีเกล็ด และมีลายสีดำ โดยปลาสายพันธุ์นี้ผสมมาจากปลาคราฟ Kumonryu และ Doitsu Platinum Ogon ที่เป็นปลาประเภทไม่มีเกล็ด และผิวมันวาวเหมือนโลหะ
รู้หรือไหมว่า สีดำ (Sumi) ของปลาคราฟคิโคะคุริวนั้น เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยคุณสมบัตินี้ได้มาจากปลาคราฟ Kumonryu โดยปัจจัยในการเปลียนไปของสีนั้นขึ้นอยู่กับ อุณหภูมิของน้ำ ค่าpH คุณภาพน้ำ อาหาร ความเครียดของปลา อายุ โดยการเปลี่ยนแปลงของสีปลานั้น เป็นไปได้ตั้งแต่แค่สลับสีขาวดำกัน หรือบางทีเปลี่ยนไปจนกลายเป็นปลาตัวใหม่เลยก็เป็นไปได้
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Kikokuryu
- สีหลักของบอดี้ตัวปลา ต้องเป็นขาวบริสุทธิ์ (Shiro)
- ลวดลายสีดำ ควรมีความเข้ม ไม่จาง
- ความมันวาวของตัวปลา
พันธุ์ปลาคราฟ คิคุซุย Kikusui

ปลาคราฟคิคุซุย เป็นปลาคราฟที่มีผิวมันเงา คล้ายๆกับ ปลาคราฟ Hariwake (ฮาริวาเก้) ลักษณะเด่นคือ จะเป็นปลาคราฟไร้เกล็ด ผิวมันวาว ตัวปลาจะมีสีขาว และลวดลายสีแดง ส้ม หรือ สีเหลืองเคลือบอยู่บนสีขาว ปลาคราฟคิคุซุยนั่นบางคนอาจจะเปรียบเทียบว่ามันคือ Doitsu Kohaku ด้วยความที่ผิวปลามันเงา ไม่มีเกล็ด และมีลาดลายสีแดงทับอยู่บนสีขาว มีความแวววาว เมื่อได้สะท้อนกับแสงแดด
ไม่ได้มีหลักฐานแน่ชัดว่า Kikusui ถูกเพาะพันธุ์ตั้งแต่เมื่อไร แต่ปลาสายพันธุ์นี้ก็ได้สร้างเสียงหือฮา และสร้างชื่อในงานประกวดใหญ่ๆในช่วง 15-20 ปีที่ผ่านได้ไม่น้อยเช่นกัน โดยพื้นฐานการเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ จะมาจาก Kohaku ผสมกับ Patinum Ogon เพื่อให้ได้ Kuhaku ที่มีผิวมันเงา และนำไปผสมพันธุ์ต่อกับ ปลาคราฟ Doitsu เผื่อให้ออกมาเป็นเจ้า คิคุซุยนั่นเอง
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Kikusui
- ลายสีแดง (Hi) ควรกระจายตัวสม่ำเสมอ ไม่มีส่วนไหนที่มีสีโด่นเด่นกว่าจุดอื่น (กระจายทั่วปลาให้ได้สัดส่วน 50:50 ระหว่างสีแดง กับ ขาว
- ผิวปลาคราฟสายพันธุ์นี้ควรมีความมันเงา คล้ายๆกับโลหะ แวววาวทั่วตัว
- ส่วนของสีขาว (Shiro) ควรมีมีลักษณะเหมือนกระจก เปรียบได้กับหิมะที่กระทบกับแสงแดดในเช้าของฤดูหนาว
พันธุ์ปลาคราฟ คิ มัตสึบะ Ki Matsuba

ปลาคราฟ คิมัตสึบะ คล้ายๆกับเจ้า อากะมัสึบะ จุดเด่นคือเป็นปลาคราฟสีเดียวที่มีลวดลายตาข่ายคล้ายกับลูกสนอยู่บนลำตัว โดยลายตาข่ายได้มาจาก ปลาคราฟ Asaki นั่นเอง
อย่างที่เคยอธิบายไปว่า ปลาคราฟตระกูล มัตสึบะ มีหลายสายพันธุ์ย่อย มีสีที่ต่างออกไป บางพันธุ์ก็มีผิวที่แวววาวสะท้อนแสง เช่น Gin Matsuba ที่มีสีขาวผิวมันวาว สะท้อนแสง และบางสายพันธุ์ที่ผิวปกติไม่แวววาวเช่น Aka Matsuba ที่เคยเล่าไปก่อนหน้านี้แล้ว
เริ่มแรกเจ้าปลาคราฟสายพันธุ์นี้เกิดจากการจับคู่กันของปลาคราฟ Yamabuki Ogon และ Shiro Matsuba ทำให้ได้ปลาคราฟที่มีสีเหลืองผิวมันวาว และมีเกล็ดลายตาข่าย ที่เรียกว่า Kin Matsuba และถูกพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของความมันวาวให้ลดลง จนได้มาเป็นเจ้าปลาคราฟ Ki Matsuba ที่ไม่ใช่ผิวโลหะนั่นเอง
หลายๆคนอาจจะสับสนระหว่าง Ki Matsuba และ Kin Matsuba เพราะปลาสองพันธุ์นี้ ค่อนค้างเหมือนกันมาก จนทำให้หลายๆเซียนเรียกผิด แต่จุดสังเกตุที่ง่ายที่สุดคือ
Ki matsuba (Kimatsuba) เป็นปลาสีเหลือง สายพันธุ์ย่อยของ ปลาคราฟ Asagi เช่นเดียวกับ ปลาคราฟ ฮิมัตสึบะ และ อากะมัตสึบะ
黄松葉=黄 ki (Yellow) +松葉 matsuba (pine needles)
Kin Matsuba (Kinmatsuba) เป็นปลาคราฟสีส้ม หรือสีทอง ที่เป็นสายพันธุ์ย่อยของ ปลาคราฟ ฮิการิโมโน
金松葉=金 kin(GOLD)+松葉 matsuba (pine needles)
พันธุ์ปลาคราฟ คิอุสึริ Ki Utsuri

ปลาคราฟคิอุสึริ เป็นปลาคราฟที่มีบอดี้เหลือง คาดด้วยสีดำ จะคล้ายๆกับ เจ้าผึ้ง Bubble Bee ซึ่ง ปัจจุบันปลาคราฟชนิดนี้หายากที่สุดในทั้ง 3 สายพันธุ์ย่อย เนื่องจากความยากในการเพาะพันธุ์
พันธุ์ปลาคราฟ โคฮาคุ Kohaku

ปลาคราฟโคฮาคุ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดในโลก เราเคยเขียนบทความแนะนำสำหรับเจ้าสายพันธุ์นี้ไว้แล้ว ให้กับเพื่อนๆที่สนใจเลี้ยงปลาคราฟโคฮากุ ด้วยจุดเด่นของปลาที่มีสีขาว และสีแดงผสมกันทำให้เป็นปลาที่มีความสวมงาม และเป็นที่หลงไหลอย่างมากกับคนที่ได้พบเจอ
ปลาคราฟโคฮากุ เป็นปลาที่อยู่ใน กลุ่มปลาคราฟ Gosanke เรียกได้ว่าเป็นปลาคราฟที่มีความดั้งเดิมที่สุดพันธุ์นึง โดยลวดลายของเจ้าโคฮาคุนั้น มีชื่อเรียก และมีวิธีแบ่งที่ค่อนข้างเยอะ เช่น Maruten, Tancho, Inazuma, หรือรูปแบบชั้นอย่าง Nidan, Sandan
สำหรับวิธีการพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟโคฮาคุนั้น ไป่โค่ยฟาร์มแนะนำให้อ่านได้ที่ บทความนี้ครับ
พันธุ์ปลาคราฟ คุจากุ Kujaku

ปลาคราฟคุจากุ เป็นปลาคราฟอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสวยงามมาก ชื่อเต็มของปลาคราฟตัวนี้คือ Kujaku Ogon ซึ่งมีความหมายว่า นกยูง ในบางประเทศจะเรียกพวกมันว่า Peacock Koi หรือปลาคราฟคราฟนกยูง
ลักษณะเด่นของปลาคราฟคุจากุ คือเป็นปลาคราฟผิวโลหะที่มีเกล็ดลายตาข่าย และมี Pattern ของปลาโคฮากุ ไม่ว่าจะเป็นสีัีแดง ส้ม เหลือง หรือทอง ทับบนตัวปลาอีกที ทำให้ตัวปลายิ่งมีความโดดเด่นมาก และเป็นที่ต้องการของเหล่านักสะสมปลาคราฟมากด้วยเช่นกัน
ปลาคราฟคุจากุเป็นสายพันธุ์ที่ถูกเพาะพันธุ์เมื่อราวๆปี 1960 โดยฟาร์มปลาฮิรานิชิที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นการผสมกันระหว่างปลาคราฟ Hariwake ที่มีจุดเด่นคือเป็นปลาคราฟสองสีที่มีสีขาวแพลตตินัม และสีเหลืองเมทัลลิก กับปลาคราฟ Shusui เป็นปลาคราฟไร้เกล็ดที่มีสีเทาอมฟ้า แลละสีแดงที่ด้านข้างกับครีบ
ความสวยงามของ คุจากุ จะไม่เน้นที่ลวดลายมากนัก แต่จะเลือกจากปลาคราฟที่ผิวมันเงา ตาข่ายเข้มคมชัด
พันธุ์ปลาคราฟ คุมอนริว Kumonryu

ปลาคราฟคุมอนริว เป็นปลาคราฟที่มีสีพื้นเป็นสีขาว ไร้เกล็ด และมีลวดลายสีดำ(Sumi)ตัด จุดเด่นของสายพันธูืนี้คือลวดลายสีดำของปลาคราฟคุมอนริว จะสามารถเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลาโดยที่เปลียนบ่อย และ เร็วกว่าปลาคราฟอื่นๆ โดยเจ้ารูปแบบสีดำที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลานี้เราเรียกว่า Henka Sumi ซึ่ง เจ้าคุมอนริวนี้ มาจากภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่ามังกร
การจะตัดสินเจ้าปลาคราฟคุมอนริว จะค่อนข้างยากครับ เพราะลายที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรพิจารณาคือ ความสมบรูณ์ของพ่อและแม่พันธุ์ ที่ต้องมีความแข็งแรง สมบรูณ์
ความเหมือนที่แตกต่างระหว่าง คุมอนริว กับ โดอิสึ ชิโระ ทั้ง คุมอนริว และ โดอิสึ ชิโระ ต่างเป็นปลาสีขาวดำ ที่ไม่มีเกล็ดเหมือนกัน ส่วนที่จะต่างกัน ต้องเท้าความก่อนว่า พ่อแม่พันธุ์ของคุมอนริวนั้น คือ Shusui ซึ่งมีสีพื้นเป็นสีน้ำเงินที่ลำตัวของปลา ดังนั้น ลองสังเกตุที่ตัวปลาดูว่า หากมีสีฟ้าเล็กน้อยในส่วนของสีขาว นั่นคือคุมอนริว แต่หากเป็นปลาที่มีสีขาวล้วนดังหิมะ ตัวนั้นคือ โดอิสึ ชิโระครับ
ความสนุกของการเลี้ยงปลาคราฟคุมอนริว คือ ในทุกๆวัน สัปดาห์ ลายซูมิของปลาคุณจะสามารถเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นคุณจะเหมือนได้ปลาใหม่อยู่ตลอดเวลานั่นเอง
พันธุ์ปลาคราฟ เลม่อน ฮาริวาเกะ Lemon Hariwake

ปลาคราฟ เลม่อน ฮาริวาเกะ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ย่อยของ ปลาคราฟ ฮาริวาเกะ ซึ่งเป็นปลาคราฟสองสีที่มีสีหนึ่งเป็นสีแพลทินัมหรือขาวเมทักลิก และอีกสีหนึ่งเป็นสีเมทัลลิก ซึ่งมีได้ทั้ง สีเหลือง สีส้ม หรือ สีแดง
ต้นกำเหนิดเดิมของปลาคราฟ ฮาริวาเกะ ยังไม่แน่ชัดว่าถูกผสมพันธุ์เมื่อไร แต่หลักๆของปลาสายพันธุ์นี้มาจากการจับคู่ของปลาคราฟ Kohaku และ Platinum Ogon เพื่อให้ได้ออกมาเป็นปลาคราฟ ฮาริวาเกะนั่นเอง โดยเจ้าปลาคราฟเลม่อน ฮาริวาเกะนั่น ถือเป็นการพันธุ์สายพันธุ์ฮาริวาเกะมาอย่างต่อเนื่อง จนได้ปลาคราฟที่มีลวดลายสีส้ม หรือสีเหลือง แทนที่ของฮาริวาเกะเดิมที่เป็นสีแดง
เราสามารถใช้เกณฑ์การวัดความสวยงามเดียวกันกับปลาคราฟโคฮากุได้ เช่น กระการจายของสี ทั้งสองสีควรเท่าๆกันที่ 50:50 หรือ Pattern ของรูปแบบ ชั้นของ Pattern เป็นแบบที่นิยมคือ Sandan (หรือ 3 ชั้น) และเนื่องจากปลาคราฟชนิดนี้ผิวของปลาจะเป็นลักษณะโลหะ มันวาว ควรดูที่คุณภาพของความเงา และความแวววาวของผิวหนังปลาโดยรวม ไม่ควรมีจุดแหว่งของสี
พันธุ์ปลาคราฟ มัตสึคาวะบาเกะ Matsukawabake

ปลาคราฟมัตสึคาวะบาเกะ เป็นปลาคราฟที่เป็นคู่แฝดกับ เจ้าปลาคราฟคุมงริว แต่เป็นเวอร์ชั่นที่มีเกล็ดครับ แต่นอกนั้นอย่างความสามารถในการเปลี่ยนรูปแบบ หรือสีดำ ซูมิ ของตัวปลานั้นจะเหมือนกับเจ้าปลาคราฟคุมงริวเลยครับ
ปลาคราฟ คุมองริว คิโคคุริว กินกะ และเจ้าปลาคราฟ มัตสึคาวะบาเกะ นั่น ต่างเป็นปลาคราฟที่ใกล้ชิดกัน และปลาคราฟทั้ง 4 ชนิด จะมีลวดลายขาวดำเหมือนกัน และมี Henka Sumi หรือลวดลายสีดำที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเหมือนกัน ต่างกันตรงที่บางชนิดจะเป็นปลาเกล็ด และบางชนิดจะเป็นปลาผิว
อ้างอิงจากและเครดิตจากเว็บ : https://www.kerutokoi.com/post/koi-varieties-matsukawabake

พันธุ์ปลาคราฟ โอชิบะ Ochiba

ปลาคราฟ Ochibashigure หรือเรียกสั้นๆว่า Ochiba เป็นลายคราฟสีน้ำตาลเป็นสีพื้น และมีลวดลายสีส้ม คล้ายกับ Kuhaku ครับ โดยชื่อปลาเมื่อแปลเป็นไทยแล้ว จะได้ความหมายว่า “ใบไม้แห่งฤดูใบ้ไม้ร่วง”
ลักษณะเด่นของเจ้าปลาคราฟโอชิบะ คือ เป็นปลาคาฟที่มีสีเทาอมฟ้า ซ้อนทับด้วยลายตาข่ายสีน้ำตาล และมีลวดลายสีแดง, ส้ม พาดผ่านปลาโอชิบะ ถูกผสมมาจาก ปลาคราฟ Chagoi และ ปลาคราฟ Soragoi และถูกพัฒนาให้มาร์กิ้งสีน้ำตาล หรือสีบรอซ์มีมีส้มมากขึ้น
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของปลาสายพันธุ์นี้คือความเป็นมิตรที่ได้มาจาก Chagoi ทำให้ผู้เลี้ยงส่วนนึงต่างหลงรักมันไม่ต่างจากแฟนซีคราฟสายพันธุ์อื่นเลยครับ
พันธุ์ปลาคราฟ ซังเก้ Sanke

ปลาคราฟซังเก้ หรือชื่อเต็มคือ Taisho Sanke เป็นปลาคราฟยอดนิยมในกลุ่มของ Gosanke อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ผู้คนทั่วโลกต่างนิยมเลี้ยง และตัวปลาที่สวย คุณภาพดีนั้นมีราคาค่อนข้างสูงมาก
Sanke เป็นปลาคราฟ 3 สี ประกอบไปด้วย ฐานสีขาว(Shiro) มีลายสีแดง(hi) และ สีดำ(Sumi) รวมกับที่ลำตัว คล้ายๆกับ Kohaku ว่ากันว่า มันก็คือปลาคราฟ Kohaku ที่มีลายซูมินั่นเอง
เราอาจจะพูดได้ว่า Sanke และ Kohaku นั่นเป็นญาติสนิทกันอีกคู่หนึ่งก็เป็นได้ครับ เพราะสมัยก่อนที่มีการเพาะพันธุ์ให้ได้ปลา Kohaku นั้น ลูกปลาบางตัวที่ออกมาเป็นเป็นรูปแบบของปลาคราฟ Sanke เลยก็มีครับ
เราจะดูยังไงว่าเป็นปลาคราฟ Sanke ที่สวย และมีราคาที่ดี แน่นอนว่าอันดับแรงเราควรดูที่ลวดลาย สี ของตัวปลา รวมถึงตำแหน่งลายต่างๆ ของปลาด้วยเช่นกัน โดยใช้วิธีเดียวกับที่เราดูปลาโคฮากุได้เลยครับ เช่น สีขาวต้องเป็นสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ ส่วนที่เป็นสีแดง(hi) ต้องเป็นแดงเข้มที่มีความคงนี้ และสีดำซูมิ ที่เป็นสีดำเข้ม (ในบางเด็กบางตัว สีดำของปลา อาจจะมีสีฟ้าอ่อนหรือเทาปนได้ แต่ควรจะต้องหายไปเมื่อโตขึ้น ถึงจะสวยงาม)
การกระจายตัวของลาย ของ Sanke ที่ดีนั้น ควรต้องมีทั้งสีแดง และสีดำ อยู่ทั่วความยาวของตัว โดยที่ต้องไม่มี สีขาวที่เข้ามาแทรกเยอะเกินไป โดยที่ทั้ง 3 สีนั้นควรปรากฏอยู่ครึ่งตัวบนของตัวปลา ส่วนคลิกตัวด้านล่างของปลาคราฟ Sanke นั้นควรเป็นสีขาวทั้งหมด (ถ้ามีจุดสีแดงเล็กๆน้อยๆยังพอรับได้ แต่ไม่ควรมีจุดสีดำ)
พันธุ์ปลาคราฟ ชิโระ อุสึริ Shiro Utsuri

เราเคยเกริ่นถึงทั้งเช้า ฮิอุสึริ และคิอุสึริ ไปแล้ว คงจะพลาดเจ้าตัว ชิโระ อุสึริไปไม่ได้ โดยจุดเด่นของปลาชิโระ อุสึริคือ ลบอดี้สีขาวบริสุทธิ์ ตัดกับลวดลายสีดำ โดยมีการเปรียบเปรยว่า เจ้า ชิโระ อุสึรินี้ คล้ายกับกระดานหมากรุก ที่สลับกันไปมาระหว่างสีขาว และสีดำ ปลาคราฟชนิดนี้ค่อนข้างเรียบง่ายครับ แต่หากมีไว้ในบ่อเลี้ยงปลาแล้วละก็ มันจะดูโดดเด่นมาก
พันธุ์ปลาคราฟ โชว่า Showa

ปลาถึงอีกหนึ่งปลาคราฟยอดฮิต ในตระกูล Gosanke อย่างเจ้าโชว่าครับ ปลาคราฟ โชวา ซันโชกุ (Showa Sanshoku) หรือ สำหรับนักเลี้ยงบ้านเรานิยมเรียกว่า (Showa) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่นิยมและเป็นที่รู้จักในวงการปลาคราฟ พวกเขามีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัว สายพันธุ์ Showa มีลักษณะเด่นด้วยสีขาว แดง และดำ ที่กระจายตัวอยู่ในลำตัวอย่างสมดุลและสวยงาม
จุดเด่นของ โชว่าคือ เป็นปลาคราฟ 3 ชั้น คล้ายกับ Sanke มาก โดย Sanke จะมีสีพื้นคือสีขาวชิโระ และมีลายส่วนสีแดง hi และสีดำ ซูมิ ส่วน Showa จะมีฐานสีซูมิ และมีเครื่องหมาย ชิโรจิ และ ฮิ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ค่อนข้างจะคล้ายกันมากครับ
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Showa
- hi, shiroji และ sumi ควรมีความชัดเจน และสีสันโดดเด่น ส่วนของสี ฮิ ต้องเป็นสีแดงเข้ม ชิโรจิ ควรเป็นสีขาวหิมะ ชูมิควรเป็นสีดำเข้ม
- รูปแบบของลายบนตัวปลาต้องพันรอบตัว ตั้งแต่ด้านบนลงด้านล่าง
- ครีบของ Showa จะต้องมีจุดซูมิ และโปร่งแสงกว่า Sanke
พันธุ์ปลาคราฟ Shusui

ปลาคราฟซูซุย หรือ ชูซุย ลองจิตนาการตามง่ายๆว่า มันคือ ปลาคราฟอาซากิ เวอร์ชั่นที่เป็น Doitsu หรือปลาที่ไม่เกล็ดครับ โดยลักษณะเด่นของปลาชนิดนี้คือ เป็นปลาคราฟสีเทาอมน้ำเงิน และมีลวดลายสีแดงที่โดดเด่นมากบริเวณด้านข้างตัวปลา ปลาคราฟชนิดนี้จะมีเกล็ดสีน้ำเงินเรียงเป็นแถวแค่เฉพาะส่วนของครีบหลัง จริงๆต้องบอกว่าเป็นปลาหนัง หรือปลาที่ไม่มีเกล็ดพันธุ์แรกๆ เลยครับ
ต้นกำหนดของปลา Doitsu หรือปลาหนัง เกิดขึ้นที่ประเทศเยอรมันนีในช่วงรางๆ ปีค.ศ. 1900 ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีกว่าเดิมทีปลาคราฟถูกเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหาร ทำให้มีการเพาะพันธุ์ปลาที่ไม่มีเกล็ด หรือปลาหนัง เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน แต่เมื่อปลาคราฟกลายเป็นสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ก็เริ่มมีการผสมพันธุ์เจ้า Asagi เข้ากับปลาคราฟหนัง ทำให้ได้เจ้าตัวปลาคราฟซูซุยนั่นเองครับ
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Shusui
- ส่วนหัวของปลาควรจะสะอาด ไม่มีลาดลาย
- ส่วนของเกล็ดบนครีบหลัง ควรเรียงตัวสม่ำเสมอ และสวยงาม เพราะส่วนเกล็ดตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของปลาคราฟชนิดนี้
- ผิวของปลาควรมีสีเทาอมฟ้า หรือน้ำเงิน (ยิ่งสีฟ้าเข้มยิ่งนิยม)
- ไม่ควรมีเกล็ดส่วนเกิน หรือที่เราเรียกว่า Mudagoke
พันธุ์ปลาคราฟ Soragoi

ปลาคราฟ โซระกอย หรือโซรากอย เป้นปลาคราฟสีเทาสีเดียว และมีลายเกล็ดลูกสน(fukurin) เช่นเดียวกับปลาคราฟ Chagoi ที่เคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้ครับ เหล่านักเล่นปลาของเรานิยาม เจ้าปลาคราฟ Soragoi และ Chagoi ไว้ว่าเป็น สองคู่หูจอมเฟรนลี่ เพราะทันทีที่คุณเดินเข้ามาใกล้บ่อที่มีเจ้าสองตัวนี้เมื่อไร คุณจะเห็นทั้งสองพันธุ์นี้มาโผล่ตัวให้คุณเห็นก่อนใครเพื่อนแน่นอน
จุดต่างของเจ้า Soragoi กับ Chagoi คือ สีของปลาคราฟครับ Chagoi จะออกเป็นสีน้ำตาล หรือสีชา ในขณะที่ Soragoi จะเป็นสีเทาเลยครับ และอีกจุดที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือ เรื่องขนาดและอัตราการเติบโตครับ เนื่องจากเป็นก
จุดที่ควรพิจราณาหากต้องการซื้อปลาคราฟ Soragoi
- ความสม่ำเสมอของสีครับ ควรเป็นสีเทาเดียว ไม่มีลวดลายแทรก
- หากมีลาย Fukurin ขนาดแต่ละชั้นของเกล็ดควรสมดุลกัน และเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เป็นแถวเท่าๆกัน
พันธุ์ปลาคราฟ Tancho

Tancho Koi เป็นหนึ่งในปลาคาร์ฟที่ถูกเพาะพันธุ์ขึ้น ส่วนมากจะพบใน 3 สายพันธุ์หลัก เช่น โคฮากุ(Kohaku), ซังเก(Sanke), โชว่า(Showa) ซึ่งบางคนอาจจะสับสนกับปลาคาร์ฟ โกชิกิ(Goshiki ) และ ฮาริวาเกะ(Hariwake) ซึ่งมีลักษณะลายวงกลมสีแดงบนหัวเช่นเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว Tancho แท้จะมีอยู่เฉพาะในสายพันธุ์ กลุ่มปลาคาร์ฟ Gosanke เท่านั้น Goshiki และ Hariwake ถึงแม้จะมีลวดลายที่เหมือนกัน ก็จะถูกแยกออกไปจาก Tancho
อย่างที่ทุกคนคงทราบว่า ตัวปลาคาร์ฟนั้นมีลวดลาย และสายพันธุ์ที่แยกย่อยไปค่อนข้างเยอะ มีชื่อเรียกตามลวดลาย ขนาด ที่หลากลาย ทำให้บางครั้งเราจะแยกปลา Tancho ได้ค่อนข้างๆยาก แต่หลักๆ Tancho แท้นั้น จะมีอยู่แค่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่
ไป่โค่ยฟาร์มเคยเขียนบทความแนะนำปลาคราฟตันโจไว้แล้ว หากเพื่อนๆสนใจ สามารถอ่านได้ที่ https://paikoifarm.com/tancho-the-japanaese-iconic-koi/
เครดิตภาพภ่ายปลาจากงาน AJKS 2024 ของคุณ Jane Maneerat ดูอัลบั้มเต็มได้ที่ fb:Jane Maneerat
นอกเหนือจาก 27 สายพันธุ์ที่เราได้เอามาแนะนำแล้ว จริงๆ ยังมีปลาคราฟยอดนิยมที่ไม่ได้ถูกพูดถึงอีกด้วย ไว้คราวหน้าไป่โค่ยฟาร์มจะมาเล่ารายละเอียดของแต่ละสายพันธุ์ให้เพื่อนๆฟังกันครับ ยังไงหากเพื่อนๆสนใจซื้อปลาคราฟคุณภาพ อย่าลืมลองดูที่ ปลาในฟาร์มพร้อมขาย ของเรานะครับ