ไป โค่ย ฟาร์ม - ฟาร์มปลาคาร์ฟนำเข้าจากญี่ปุ่น

ปลาคราฟ / ปลาคาร์ฟ

หนึ่งในปลาที่คนนิยมเลี้ยงมากที่สุด ทั้งสวยงาม เป็นมิตร และมีมูลค่าสูง และความลึกซึ่งของปลาแต่ละตัวที่คุณจะหลงรักเมื่อได้สัมผัส

รู้จัก ปลาคราฟ/ ปลาคาร์ฟ ให้มากขึ้น ทำไมใครๆต่างนิยมเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้กัน

หลายท่านคงคิดไม่ถึงว่าปลาคราฟ หรือ ปลาคาร์ฟ ที่เราเห็นสีสันสวยงาม หลากลายสี หลายลาย ณ ปัจจุบัน หากจะย้อนความกับไปสักนิด เดิมทีเจ้าปลาคราฟ หรือปลาไน (วงศ์เดียวกับปลาตะเพียน) พวกเป็นปลาธรรมชาติ ต้นกำเนิดแถวๆ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถวๆ ประเทศจีน ได้ถูกนำมาเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร มีการเพาะพันธุ์ ปรับปรุงสายพันธุ์ออกไปในหลายๆประเทศ เพื่อการนำมาใช้เป็นอาหารโดยเฉพาะ โดยยกตัวอย่าง เจ้าปลา Doitsu ของประเทศเยอรมันที่เป็นปลาคราฟไร้เกล็ดเพื่อให้ง่ายก่อนการทำมาใช้บริโภค แต่ก็มีบางฟาร์มปลา ที่ได้สังเกตุเห็นการกลายพันธุ์ของที่เริ่มมีสีสัน ลวดลายที่สวยงามกว่าปลาปกติตามธรรมชาติ จนทำให้กลายมาเป็นของขวัญให้กับ จักรพรรดิของญี่ปุ่น เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1914 ทำให้หลังจากนั้น ฟาร์มหลายๆแห่ง ต่างเริ่มหันมาเลี้ยงปลาคราฟให้เป็นสัตว์เลี้ยงสวยงาม มากกว่า เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร

กระแสนิยมปลาคราฟทั่วโลก

ด้วยความสวยงามของปลาคราฟ บวกกับความคาดเดาไม่ได้ของลวดลาย ทำให้วงการปลาคราฟกลายเป็นที่นิยมขึ้นอย่างมาก มีการเพาะพันธุ์แยกย่อย ออกเป็นหลากลายสายพันธุ์  รวมถึงเริ่มมีงานรวมตัวประกวดและให้รางวัล จนกลายมาเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่มีค่าตัวสูงถึง 65 ล้านบาท และด้วยเหตุนี้เองทำให้ วงการปลาสายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ในประเทศญี่ปุ่น แต่ความนิยมได้กระจายออกไปทั่วโลกแล้วนั่นเอง

กระแสนิยมในประเทศไทย

ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งใน ประเทศที่เริ่มนิยมเลี้ยงปลาคราฟ เพราะพันธุ์ รวมถึงมีฟาร์มเกิดขึ้นหลายแห่งในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีงานประกวดในประเทศอย่าง TNPA  และ ราคาปลาจากฟาร์มหลายๆ แห่งในไทย ก็สูงไม่น้อยหน้าฟาร์มที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว มีกำลังซื้อจากทุกกลุ่มทุกชั้นทั้งซื้อไปเพื่อเลี้ยงประดับบารมี เลี้ยงเพื่อเป็นงานอดิเรก หรือแม้แต่เริ่มเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์เป็นฟาร์มย่อมๆ ทำให้เจ้าปลาคราฟนี้กลายเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างสูงไม่แพ้ สัตว์ประเทศอื่นๆ เช่น สุนัข, แมว

จุดเด่นของที่ทำให้หลายๆ คนชอบเลี้ยง และหลงรัก

  1. ปลาคราฟ เป็นปลาที่มีรูปร่างใหญ่โต เฉลี่ยเป็นเมตรๆ (มีบันทึกไว้ว่าไซส์ใหญ่ที่สุดที่เคยเจอ มีขนาดประมาณ 121.92 เซนติเมตร และหนักราวๆ 41 กิโลกรัม)
  2. เป็นปลาที่มีสีสันหลากหลาย และมีลวดลายที่ไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละตัว รวมถึงมีชื่อเรียกลวดลายต่างๆเฉพาะ 
  3. เป็นหนึ่งในปลาที่เป็นมิตร กับคนที่สุดในโลก ปลาคราฟไม่มีฟัน ไม่มีเคี้ยว ไม่ว่าจะปลาคราฟตัวขนาดไหน สามารถเลี้ยงด้วยกันได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะตีกัน
ให้อาหารปลาคราฟจากมือได้เลย

สายพันธุ์ปลาคราฟที่นิยมเลี้ยง

หากจะพูดถึงสายพันธุ์ปลาคราฟนั้น ทั่วโลกมีมากกว่า 120 สายพันธุ์เลยทีเดียว แต่หากต้องหยิบเอาสายพันธุ์ที่ในประเทศไทย นิยมเลี้ยง หลักๆ จะมีกลุ่มของ Gosanke อันได้แก่ Showa, Kohaku และ Sanke  กลุ่มนี้เป็นปลาชนิดที่ไม่ว่าใครเห็นก้ต้องหลงรักกับ ลวดลาย และความสวยงามของตัวปลาแน่นอน และเช่นกัน ราคาของปลา 3 สายพันธุ์นี้ ก็ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ

สายพันธุ์ Showa

Showa Koi

Showa เป็นสายพันธุ์ปลาคาร์พที่มีลายสีแข็งที่เน้นขอบดำ มีมูลค่าสูง และต้องการการดูแลและการบำรุงรักษาที่ดีเพื่อให้โตเต็มที่ โดยเป็นที่นิยมในวงการเลี้ยงปลาคาร์พ

สายพันธุ์ Kohaku

Kohaku Koi

Kohaku เป็นสายพันธุ์ปลาคาร์พที่มีลายสีแข็งแดงบนพื้นสีขาว โดดเด่นต้องการการดูแลและการบำรุงรักษาที่ดีเพื่อให้เติบโตและมีคุณภาพที่ดี

สายพันธุ์ Sanke

Sanke Koi

Sanke เป็นสายพันธุ์ปลาคาร์พ (Koi) ที่มีลักษณะเด่นคือ ลายสีแข็งแดงบนพื้นสีขาว โดยมีการเน้นในส่วนของลายสีดำบนพื้นสีแดง และมีสีขาวที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วๆ ไป

นอกจาก Gosanke แล้ว ยังมีปลาคราฟในกลุ่ม Variety Koi อื่นๆ อีกเช่นกันที่บ้านเรานิยมเลี้ยง เช่น Shusui, Asagi, Utsurimono ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ต่างก็มีจุดเด่น และความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากคุณสนใจ ลองอ่านบทความ “รู้จักกับ 27 สายพันธุ์ ปลาคราฟ พร้อมจุดเด่น” ได้ครับ เผื่อจะถูกใจปลาคราฟสายพันธุ์ไหนบ้าง

variety

สายพันธุ์อื่นๆ

Variety Koi

โดยปกติแล้ว มีสายพันธุ์ Koi หลายสายพันธุ์ เช่น Utsurimono, Bekko, Ogon, Shusui, Asagi, Yamabuki และอื่นๆ ทุกสายพันธุ์นั้นมีลักษณะแตกต่างกันออกไป

ซื้อปลาคราฟ ที่ฟาร์มไหนดี? แล้วแต่ละที่ต่างกันยังไง

ในบ้านเราปัจจุบันหาซื้อปลาคราฟได้ง่ายกว่าเดิมมากครับ มีหลายๆ ฟาร์ม ที่ทั้งเพราะพันธุ์เอง และนำเข้าจากญี่ปุ่นมาเลี้ยงไว้เพื่อขายต่อ แต่ละฟาร์มหลักๆในบ้านเรา ก็จะมีหลายสายพันธุ์ให้เลือกเช่นเดียวกัน แต่จุดที่ควรพิจราณาคือ ฟาร์มนั้นน่าเชื่อถือไหม มีที่มาที่ไปของปลาหรือเปล่า บ่อยครั้งที่ฟาร์มต่างๆ จะบอกว่าปลาตัวเองนำเข้าจากญี่ปุ่น แต่เมื่อถามถึงต้นกำเนิด หรือ ที่มาที่ไปของปลา จะไม่สามารถบอกได้ครับ หรือมีเอกสารรับรองให้ครับ ว่านำเข้ามาจากฟาร์มนั้นจริงๆ ซึ่งอาจจะทำให้คุณเสียเงินมากกว่าราคาของปลาก็เป็นได้ครับ แนะนำว่าให้ดูที่ชื่อเสียงของฟาร์มเป็นหลัก ก่อน


ไป่โค่ย ฟาร์มเอง ก็เป็นหนึ่งในฟาร์มที่ ไว้ใจได้ครับ ฟาร์มของเรานำเข้าปลาคราฟจากฟาร์มที่ญี่ปุ่น เจ้าของบินไปเลือกเองกับมือ มีหลากหลาย Breeder เช่น Dainichi Koi Farm, Momotaro Koi Farm, Isa Koi Farm, Oyama Koi Farm ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฟาร์มชื่อดังที่กวาดรางวัลในงานประกวดใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่นมาหมดแล้วครับ มั่นใจได้ว่า ปลาคราฟทุกตัวที่ไป่โค่ย ฟาร์ม ตรวจสอบที่มาที่ไปได้ และเรามีใบรับรอง Certificate ให้ ว่าเป็นปลาที่มาจากฟาร์มที่ญี่ปุ่นแท้ๆครับ เลือกซื้อปลาคราฟ ที่ไป่โค่ย ฟาร์ม

เตรียมตัวก่อนเลี้ยง มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

หลักๆ ในขั้นตอนเตรียมตัว ต้องบอกก่อนว่า การเตรียมบ่อเลี้ยงปลา ระบบกรองน้ำ ระบบควบคุมอุณภูมิสำคัญมาก เพราะบ่อปลาคราฟ เป็นที่อาศัยของปลา และส่งผลโดยตรงทั้งต่อ โรคของปลา รวมถึงการเจริญเติบโตของปลาด้วย ดังนั้นหากละเลยการเตรียมบ่อที่ดีแล้วละก็ ระยะยาวปลาคราฟของเราอาจจะไม่แข็งแรง หรือตายก็เป็นได้ ดังนั้นหลักๆที่เราควรใส่ใจ ในช่วงการเตรียมตัวเลี้ยงก็จะมี 

ขนาด และความลึกของบ่อปลาคราฟ หากคิดเฉลี่ยง่ายๆ คุณต้องการเลี้ยงปลา 15 ตัว พื้นที่ๆ แนะนำคือ บ่อขนาด 6x8x3 ฟุต ซึ่งสามารถจุน้ำได้ 1,077 แกลลอน จะเป็นขนาดบ่อที่ปลาคราฟจะเติบโตได้ดี ไม่แออัดเกินไป และไม่ส่งผลให้ปลาเครียด

ระบบรักษาอุณหภูมิ เนื่องจากปลาคราฟเป็นปลาที่เดิมทีอาศัยอยู่ในน้ำเย็น ดังนั้น จึงควรมีระบบควบคุมอุณหภูมิของน้ำ ให้อยู่ระหว่าง 15-25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นช่วงที่กระบวนการดูดซึมอาหารของปลาทำงานได้ดีที่สุด (จริงๆ บ้านเรา ให้ได้สัก 22-23 องศา ก็ถือว่าโอเคแล้วครับ)

ระดับอ็อกซิเจน อีกปัจจัยที่ห้ามละเลย ค่าออกซิเจนละลายในน้ำที่แนะนำ ควรอยู่ระหว่าง 7-9 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนึ่งลิตร และควรมีเครื่องวัดที่ไว้คอยใช้วัดตลอดเวลา เนื่องจากบางทีในฤดูร้อน ค่าออกซิเจนในน้ำนั้น จะลดลงกว่าปกติ หากเราไม่ใส่ใจตรงนี้ อาจจะทำให้ปลาช็อกน้ำ หรือ ต้องกระโดดขึ้นมาหายใจ จนทำให้ ผิวหนังของปลา โดนแสงแดดเยอะเกินไปจนไหม้ได้

คุณภาพของน้ำ ค่า pH สำคัญไม่น้อยไปกว่าข้อไหนๆ ค่า pH ที่เหมาะสมที่สุดคือ 7.0 หรือให้อยู่ในช่วง 6.5-8.5 หากพบว่าค่า pH ของน้ำมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ควรรีบนำปลาแยกพักในบ่อที่ควบคุมค่า pH ไว้ก่อน 

  •  

การเลือกอาหารคราฟปลาที่เหมาะสม เนื่องด้วยแต่ละช่วงอายุ ขนาดของปลา ต้องการอาหาร และสารอาหารที่ต่างกัน ดังนั้นควรดูว่าปลาคราฟของเรา เหมาะกับอาหารชนิดไหน เช่น หากเป็นปลาคราฟที่ว่ายน้ำเร็ว  เชื่อง ไม่ขึ้อาย เราอาจจะเลือกใช้อาหารปลาคราฟ แบบลอย มากกว่าแบบจม วิธีการเลือกอาหารปลาคราฟให้เหมาะสม

 

ปลาคราฟ กับฮวงจุ้ย และความเชื่อ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปลาคราฟนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ความมั่นคง และความสำเร็จ รวมไปถึงความโชคดี ดังนั้นแน่นอนว่า ปลาคราฟเองสามารถให้เป็นของขวัญกับผู้หลักผู้ใหญ่ได้ (แต่ต้องดูว่าเลี้ยงปลาอยู่ด้วยหรือเปล่านะ) ปกติแล้วเราเลี้ยงในบ้าน ควรให้บ่อปลาคราฟหันหน้าเข้าหาบ้าน โดยที่ให้อยู่ทางซ้ายมือเสมอ และจำนวนปลาในบ่อควรเลี้ยง เป็นจำนวน เช่น 8,18,28 เพราะเป็นความเชื่อว่า การเลี้ยงปลาคราฟตามฮวงจุ้ยแบบนี้ จะนำ โชคลาภ เงินทอง เข้าสู่บ้านของผู้เลี้ยงเป็นจำนวนมาก

สนใจซื้อ ปลาคราฟสำหรับเสริมฮวงจุ้ย เลือกได้ที่ฟาร์มของเราเลยครับ

สนใจเลี้ยงปลาคาร์ฟ หรือ ดูปลาที่ฟาร์มของเรา